สุขภาพดีและการบำรุงผิวจากกิมจิ

รูปภาพ: kenjito_Gettyimages
Kimji...
เครื่องเคียงเผ็ดเปรี้ยวของเมนูเกาหลียอดฮิต ... รู้หรือไม่ว่า
กิมจิ ทำมาจากอะไร

pinterest
สำหรับท่านที่ชื่นชอบกิมจิอาจจะทราบดีว่ากิมจิคืออะไร ผักกาดสีแดงเปียกๆ ที่บางครั้งก็มีผสมด้วยต้นหอมและหัวแรดดิชกรุบกรอบที่เป็นการเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับเจ้าอาหารที่ชื่อกิมจิ ซึ่งกิมจิที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามซูปเปอร์มาร์เก็ตบ้านเรานั้น ทราบหรือไม่ว่าอันที่จริงแล้วกิมจิมันมีอยู่ 2 ชนิดหลักด้วยกัน คือกิมจิเก่า กับกิมจิที่ทำสดใหม่ โดยกิมจิทั้ง 2 แบบนั้นจะให้รสชาติและความกรอบที่แตกต่างกัน เรามาลองดูคุณประโยชน์ของเจ้ากิมจิกันดู ว่าจะทำให้ผิวเราดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง
ประโยชน์ของกิมจิ
กิมจิประกอบไปด้วยแบคทีเรียและโปรไบโอติกที่มีคุณประโยชน์สำหรับร่างกาย
ก็เพราะว่า เจ้ากิมจินั้นเกิดจากการหมักเช่นเดียวกับโยเกิร์ต แบคทีเรียที่ชื่อ แลคโตบาซิลลี ในกิมจินั้นจะช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร โปรไบโอติคที่ได้จากการหมักนี้จะช่วยให้ร่างกายต่อสู้เชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในร่างกายของเรา
ก็ด้วยเจ้ากิมจินั้นมีกระเทียมเป็นวัตถุดิบที่มีสารประกอบอัลลิซินและเซลิเนียมที่มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในเลือดสำหรับผู้ที่มีความดันเลือดสูงและระดับคอลเลสเตอรอลสูง และยังมีผลทางอ้อมในการป้องกันโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่โรคเส้นเลือดในสมองแตกหรือโรคหัวใจได้ จากการป้องกันการเกาะตัวของไขมันในผนังเส้นเลือดจนเป็นการอุดตันทางของเลือด
ส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและสายตาที่แจ่มชัด
กิมจิทุกๆ 100 กรัมจะสามารถพบ วิตามิน A ที่ร่างกายของเรามีความต้องการทุกวันอยู่ถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับสารอาหาร 2,000 แคลอรี่ที่เราทานในแต่ละวัน และด้วยปริมาณวิตามิน A ที่พบได้สูงในกิมจิ ด้วยวิตามิน A นี้เองที่เป็นสารอาหารสำคัญที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง ทำให้ร่างกายแข็งแรง และยังเสริมสร้างสุขภาพสายตาให้แข็งแรงขึ้นด้วย
สร้างความสดชื่นให้แก่ผิวหนังและความเงางามของเส้นผม
กิมจิไม่ใช่แค่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพภายในร่างกายเท่านั้น ยังช่วยทำให้เรามีบุคลิกภายนอกร่างกายดูดีด้วยเช่นกัน นั่นก็มาจากสารเซลิเนียมจากกระเทียมส่วนผสมของการทำกิมจิที่ทำให้สภาพผิวและเส้นผมของเราสูขภาพดี การกิมจิจะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยร่องผิว เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับกลูต้าไทโอนที่ช่วยเร่งการดูดซึมวิตามิน C และรักษาไว้ในร่างกายของเราให้ยาวนานขึ้น ซึ่งก็เป็นผลทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะในร่างกายดีขึ้น
ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งในช่องท้อง
จากการค้นพบของ ศจ.มิริ คิม จากแผนกโภชนาการอาหารมหาวิทยาลัยแห่งชาติจงนัม แสดงถึงสารชีวะเคมี อย่างเช่น ไอโซไซยาเนต และ ซัลไฟด์ ที่มีส่วนช่วยในการดีท็อกซ์ธาตุโลหะหนักที่พบได้ในตับ ลำไส้เล็กและไต ซึ่งจากการศึกษานั้น ไอโซไซยาเนตเป็นตัวการสำคัญในการป้องกันการเกิดมะเร็งในช่องท้องได้
ช่วยในการชะลอความเสื่อมสภาพตามอายุ
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนเกาหลีถึงได้ดูอ่อนกว่าวัย? นี่เป็นเพียงประโยชน์และผลพลอยได้ข้อหนึ่งจากกิมจิ โดยกิมจินั้น หลังจากระยะเวลาการหมักสองสัปดาห์จะอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลที่เป็นส่วนสำคัญของการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้กับผิว และยังเป็นการช่วยเพิ่มการรับออกซิเจนให้เซลล์ ทำให้คุณดูสดชื่นอ่อนเยาว์ ไร้กังวลถึงแม้จะอยู่ในภาวะการทำงานหรือมีกิจกรรมที่เคร่งเครียดก็ตาม
ช่วยในการลดน้ำหนัก
ด้วยปริมาณเพียง 40 แคลอรี่ของกิมจิ 150 กรัม และจากการที่กิมจินั้นเป็นตัวช่วยเพิ่มการเผาผลาญสารอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลนี่เองที่ทำให้เป็นส่วนทำให้น้ำหนักนั้นหายไป นอกจากนี้สารแคปไซซินที่พบในพริกที่ใช้ทำกิมจิก็มีส่วนช่วยระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้ร่างกายนำพลังงานส่วนเกินมาใช้ ซึ่งมีผลทำให้ลดลงได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
การเกิดแผลในกระเพาะอาหารนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อจากเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลรีแบคทีเรียในกระเพราะอาหาร เราจะหยุดยั้งการติดเชื้อนั้นได้อย่างไร? ก็พบได้ว่าการทานกิมจินั้นจะช่วยได้ จากการที่กิมจิมีลิวโคนอสตอก มีเซนเตอร์รอยด์ ทำให้เกิดเมือกจากกระบวนการย่อยและเกิดเป็นน้ำตาลที่เป็นตัวช่วยสำคัญยับยั้งการเจริญเติบโตของเจ้าแบคทีเรีย เอช ไพโลรีในร่างกายของเรา
ช่วยกระตุ้นระบบคุ้มกันร่างกาย
ศจ.ริน่า ยู จากภาควิชาโภชนาการของมหาวิทยาลัยอัลซาน ได้ทำการวิจัยพบว่า กิมจิเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ตื่นตัวและสารสำหรับระบบคุ้มกันร่างกายมีปริมาณมากขึ้น เปรียบเทียบกับระดับภูมิคุ้มกันที่พบจากการทานอาหารไขมันคอเลสเตอรอลในระดับสูงที่ทำให้เกิดสารภูมิคุ้มกัน 55% และจากอาหารปกติทั่วไปที่ให้ 68% ในขณะที่เมื่อเราทานอาหารไขมันและคอเลสเตอรอลสูงคู่กับกิมจิ กลับทำให้ร่างกายผลิตสารภูมิคุ้มกันร่างกายถึง 75%
ที่มา: Lifehack


